กาเบรียล บาติสตูต้า กองหน้าชาวอาร์เจนตินา ยกถ้วยรางวัลสูงเหนือศีรษะ และบีบถ้วยแชมป์ไว้แน่นเพราะกลัวตัวเองจะทำตก มันเป็นเหมือนความฝันของเขาชั่วขณะหนึ่ง แต่นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เขารู้ว่ามันราวกับปาฏิหาริย์ มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ของลีกสูงสุดของ อิตาลี สมควรได้รับเกียรติจากการเป็นแชมป์ดังกล่าว ขณะที่บรรดานักเตะส่วนใหญ่ต้องรอนานมากกว่าจะได้มันมาครอบครอง หรือพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะตระหนักถึงความฝันของพวกเขาเอง การเดินทางที่น่าตื่นเต้นของ บาติสตูต้า ในฟุตบอลอิตาลี ตอนนี้เป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษแล้ว ในการสร้างประวัติศาสตร์ของเขาเอง ย้อนไปเมื่อปี 2544 หัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินา ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งภายใต้การคุมทัพของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ เทรนเนอร์ “หมาป่าเหลือง-แดง” ชุดคว้าแชมป์เซเรีย อา ในเวลานั้น แม้จะมีความปีติยินดี เนื่องในโอกาสที่ บาติสตูต้า คว้าแชมป์กับ โรม่า แต่สายตาของตัวเขาเองนั้นมีความโศกเศร้าปนอยู่ บางทีเขาอาจคิดถึงแฟนๆในเมืองฟลอเรนซ์ทเจ้าตัวเคยค้าแข้ง เขาร้องไห้สองครั้งอันเป็นผลมาจากความปรารถนาทั้งหมดจะเป็นแชมป์ เมื่อออกจาก ฟลอเรนซ์ เขาตัดสินใจเดินทางมาผจญภัยครั้งใหม่ที่กรุงโรม และมีเป้าหมายเพื่อการคว้าแชมป์ต่างๆกับ โรม่า ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเอง ในคืนที่เขาย้ายทีม มันเป็นเหมือนกับการทำลายหัวใจของแฟนบอล ฟิออเรนติน่า ดาวยิงชาวอาร์เจนตินา ก็บอกว่าหัวใจของเขาก็แตกสลายเหมือนกัน แม้ว่าเขาจะเป็นแชมป์กับ โรม่า แต่เจ้าตัวก็ กลายเป็นตำนานในเมืองฟลอเรนซ์ เช่นเดียวกัน
ทศวรรษที่ผ่านมาระหว่างปี 1993-2002 ฟิออเรนติน่า เป็นของผู้ผลิตภาพยนตร์ชาวอิตาลี และนักการเมือง วิโตริโอ โกลี่ ผู้ อย่างไรก็ตาม สโมสรเกิดความปั่นป่วนอันเนื่องมาจากช่วงเวลาที่ไม่สามารถแยกแยะกรรมสิทธิ์ได้ หลายคนเชื่อว่าการตัดสินใจทั้งหมดของ วิโตริโอ นั้นฉลาดที่สุดในรอบสองปีก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าของทีมแต่เพียงผู้เดียว เรื่องราวดำเนินต่อไป มันก็เกิดขึ้นในชิลีขณะที่เฝ้าดูศึกโคปา อเมริกา เมื่อปี 1991 วิโตริโอ ปรากฏตัวออกมาจากอัฒจันทร์ ในเวลานั้นเขาได้รับการต้อนรับอย่างยอดเยี่ยมจากเพื่อนของเขา สายตาของ วิโตริโอ มองเห็นดาว ยิงวัย 22 ปี รายหนึ่ง สูง 6 ฟุต ร่างกายมีกล้ามเนื้อมันวาว พร้อมการทำประตูอันทรงประสิทธิภาพที่น่าตกใจ วิโตริโอ ไม่รอช้าในการหาทางเซ็นสัญญาคว้าตัวกองหน้ารายนั้นมาร่วมทีม ไม่นานหลังจากนั้น บาติสตูต้า กลับจาก ชิลี ในฐานะแชมป์ โคปาอเมริกา และผู้เล่นฟิออเรนติน่า เขาต้องออกจากบ้านในวัยเด็กของเขาใน ซานตาเฟ ทันทีที่เอกสารย้ายทีมเสร็จสิ้น บาติสตูต้า หล่อหลอมสัญชาตญาณของนักฆ่าตั้งแต่แรกเกิด โดยพ่อของเขามีอาชีพรับขนมปังประจำวันที่โรงฆ่าสัตว์ไปขาย และได้รับการเลี้ยงดูจากแม่ที่ใช้เวลาทั้งวันในฐานะเลขานุการโรงเรียน เขายังคงอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการเรียนภาษาอิตาลีหนึ่งหรือสองบทเรียนอย่างไรก็ตาม บาติสตูต้า ต้องเจอฤดูกาลที่ย่ำแย่ ฟิออเรนติน่า ต้องตกชั้น หลังมีเพียง 30 คะแนนจาก 34 นัด จบอันดับที่ 16 ในตาราง และต้องลงไปเล่นในศึกเซเรีย บี การลงสนามในเซเรีย บี ทำให้ บาติสตูต้า เติบโตขึ้นอย่างมากจากความชื่นชอบอันแรงกล้าที่จะลงไปเล่นในสนามสตาดิโอ อเมติโอ ฟรังกี้ ในวันที่มีแมตช์แข่งขันแฟนๆต่างร้องเพลงใหม่ของเขา “บาติโกล” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขามั่นใจว่า หัวหอกรายนี้ มีความจงรักภักดีต่อสโมสร
ศูนย์หน้าอาร์เจนตินา ยิงอีก 16 ประตู ในปีถัดมา ภายใต้การคุมทีมของ เคลาดิโอ รันเนียรี ฟอร์มการถล่มประตูของเขาเป็นที่น่าเกรงขาม และเจ้าตัวก็พร้อมจะไล่ล่าประตูต่อไปเรื่อยๆไม่เหน็ดเหนื่อย ฤดูกาล 1994/95 เป็นปีแห่งการฟื้นฟูของ ฟิออฯ หลังได้กลับมาเล่นในลีกสูงสุด โดยซีซั่นนั้น บาติสตูต้า ประกาศตัวเองว่าเป็นกองหน้าที่โหดเหี้ยมที่สุดบนดินแดนอิตาลี ด้วยการซัดไปรวม 26 ประตู แม้ “ม่วงมหากาฬ” จะจบเพียงแค่อันดับที่ 10 เท่านั้นฤดูกาลต่อมา บาติสตูต้า ยิงไปอีก 19 ประตู และพา ฟิออฯ จบซีซั่นด้วยอันดับ 4 ซึ่งนับเป็ฯจุดสูงสุดของสโมสรในรอบ 10 ปี และได้เข้าสู่การแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ แชมป์แรกที่รอคอยก็มาถึง ในศึกโคปา อิตาเลีย ฟิออฯ เอาชนะ อตาลันต้า จากประตูของ บาติสตูต้า และลอเรนโซ่ อโมรูโซ่ บรรดาแฟนบอลต่างมีความสุขกับถ้วยรางวัลในรอบ 20 ปี ของสโมสร สามเดือนต่อมาในฐานะแชมป์โคปา อิตาเลีย ฟิออฯ ต้องเล่นนัดเปิดซีซั่นกับ เอซี มิลาน หลายคนคาดการณ์ไว้ว่า มิลาน จะเอาชนะได้แน่นอน แต่แล้ว “ม่วงมหากาฬ” โชว์ฟอร์มหักปากกาเซียนเอาชนะไปได้ด้วยประตูของ บาติสตูต้า อย่างไรก็ตาม หลังคว้าแชมป์โคปา อิตาเลีย ฟิออฯ กลับล้างความสำเร็จไปอย่างยาวนาน ทำให้เกิดแรงกดดันจากแฟนบอลมีต่อบอร์ดบริหารของสโมสร เมื่อสหัสวรรษใหม่ขยับเข้ามาใกล้แรงกดดันเหล่านั้นของ ฟิออเรนติน่า ยิ่งเริ่มมีมากขึ้นตามลำดับ ในปี 1996/97 ท่ามกลางความคาดหวังที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดจุดแตกหัก ฟิออเรนติน่า จบซีซั่นด้วยการเป็นอันดับที่ 9 ฤดูกาลนั้นแฟนบอลต่างไม่มีความสุข แม้ทีมจะได้กลับมาแข่งขันกันในบอลยุโรปอีกครั้งก็ตาม แต่ ““ม่วงมหากาฬ” ก็ไม่สามารถเข้ารอบลึกๆได้
ความสำเร็จที่ฉับพลันเหล่านี้ กำลังถูกคั่นด้วยความล้มเหลวที่น่าปวดใจ ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ถือเป็นปีสุดท้ายของสโมสรกับ บาติสตูต้า เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาชื่อเสียงของ “บาติโกล” โด่งดังไปไกล ไม่เพียงแต่ในเมืองมะกะโรนีเท่านั้น ในปี 1997/98 บาติสตูต้า ทำประตูได้ 24 ลูก ในทุกการแข่งขัน ซึ่งเพียงพอที่จะช่วยให้ ฟิออเรนติน่าจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ห้าได้สำเร็จ และได้เข้าร่วมในการแข่งขันยูฟ่า คัพ ฤดูกาลต่อไป โดยปีต่อมา ฟิออฯ ขยับเข้าใกล้ความรุ่งเรืองมากขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าในประเทศ ฟิออเรนติน่า จะกลับมาทำผลงานได้ดี ด้วยการเอาชนะ ปาร์ม่า ในศึก โคปปา อิตาเลีย และจบฤดูกาลลีกตามหลัง มิลาน และ ลาซิโอ เท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้แชมป์ใดมาประดับตู้โชว์ของสโมสร ปีต่อมา “ลาวิโอลา” กลับมาเล่นฟุตบอลสไตล์ใหม่ด้วยการนำผู้เล่นท้องถิ่นผสมกับแข้งชั้นนำของยุโรป โดยมี บาติสตูต้า ยังคงเป็นแกนหลักของทีมในการสู้ศึกถ้วยต่างๆ แต่ ฟิออเรนติ ก็ตกรอบน็อคเอาท์ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ตกรอบโคปปา อิตาเลีย ในรอบรองชนะเลิศเท่านั้น และมีคะแนนตามหลังแชมป์ลีกอย่าง ลาซิโอ ถึง 21คะแนน เมื่ออายุ 30 ปี หลังฤดูกาลที่ 9 ติดต่อกันในฐานะผู้ทำประตูสูงสุดของสโมสร บาติสตูต้า มองเห็นโอกาสสุดท้ายของเขาในการเป็นแชมป์กัลโช่ ด้วยความชัดเจน แต่ที่น่าตกใจคือสิ่งที่เขาเห็นมันเกิดขึ้นด้วยเสื้อสีอื่นที่ไม่ใช่สีม่วงที่เขาชื่นชอบ เขาอาจจะยังคงเป็นผู้เล่น ฟิออฯ อีกครึ่งก็หวังว่าเขาจะคว้าแชมป์เซเรีย อา มันดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำทั้งสองอย่างด้วยกัน ในท้ายที่สุดเขาเลือกเดินออกจากสโมสรในซัมเมอร์ถัดมา และย้ายไปร่วมทีม โรม่า ด้วยค่าตัว 36 ล้านยูโร กระทั่งวันที่ 17 มิถุนายน 2001 เจ้าตัวได้ครองตำแหน่งแชมป์ลีกร่วมกับต้นสังกัดใหม่ได้สำเร็จ 9 ฤดูกาลในเมืองฟลอเรนซ์ ผู้คนที่นั่นปรารถนาอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีใครมาทำหน้าที่แทน บาติสตูต้า ได้ มันเป็นความรักระหว่าง “บาติโกล” และ ฟิออฯ ซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับในวันที่พวกเขาเคยคว้าแชมป์ร่วมกัน
“ในตอนท้ายของการเล่นฟุตบอลผมรู้สึกมีความสุขจริง ๆ และผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเมื่อคิดย้อนกลับไปถึงทุก ๆ ปีที่ใช้กับ ฟิออเรนติน่าครอบครัวของฉผมเติบโตที่ฟลอเรนซ์ ที่นั่นฉันกลายเป็นสิ่งที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ และสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถลืมได้ ผมหวังว่าแฟน ๆ วิโอลา จะเข้าใจสิ่งนั้น ผมคิดว่าผมเคารพพวกเขา อย่างไรก็ตามบางครั้งชีวิตเราต้องทำสิ่งที่เราไม่ต้องการ” บาติสตูต้า เคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ภาพของ กาเบรียล บาติสตูต้า นอนลงบนเก้าอี้ตัวโปรดของเขาข้างกองไฟที่แผดเผาบางครั้งจ้องมองไปที่ตู้โชว์ที่แสดงความภาคภูมิใจอย่างล้นหลาม ในบางครั้งมันก็ยากที่จะจินตนาการว่าเขารู้สึกอะไร แต่ แน่นอนความปรารถนาที่แท้จริงในหัวใจของเขาได้ถูกส่งมอบให้กับ ฟิออเรนติน่า ทั้งหมด ถึงกระนั้นสิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือผู้คนในเมืองฟลอเรนซ์ จะไม่มีวันเสียใจ และไม่พอใจที่เขาไล่ตามความฝันของตัวเอง สำหรับ บาติสตูต้า เปรียบเสมือนความทรงจำที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของ ฟิออเรนติน่า อันเป็นที่รักของพวกเขา