ในยุคก่อนหน้านี้บาร์เซโลน่าแม้จะมีเกมส์รุกที่ยอดเยี่ยมก็มักจะมีปัญหาในเกมส์รับอยู่เป็นประจำ ช่วงหลายปีที่ผ่านมาบาร์เซโลน่าจึงพยายามแก้ไขปัญหานี้มาโดยตลอด โดยมีเคราร์ด ปีเก้ เป็นตัวยืน โดยเฉพาะภายหลังจากที่คาเลส ปูโยล แขวนสตั๊ดไป แต่การหาพาร์ทเนอร์มาจับคู่กับปีเก้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก อย่างเช่นการไปดึงโธมัส แฟร์มาเลน กัปตันทีมอาร์เซน่อล มาที่หากดูจากผลงานและชื่อชั้นก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีมาก แต่ผลกลับไม่เป็นอย่างที่คาดเพราะแฟร์มาเลนเองพกอาการบาดเจ็บติดตัวมาจนทำให้ไม่ค่อยได้มีโอกาสลงเล่น (อีกทั้งมีช่วงหนึ่งที่ต้องไปเล่นในอิตาลีกับโรม่าแทนก่อนจะกลับมาบาร์ว่าในฤดูกาลนี้) แถมเมื่อได้เล่นผลงานก็ไม่ดีนัก จนทำให้ฮาร์เวีย มาสเคราโน่ ต้องลงมาเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟแทนซึ่งก็ทำได้ดีกว่าด้วย
ทำให้บาร์ซ่าเองก็ยังคงต้องการเสริมความแข็งแกร่งในเกมรับต่อไปคราวนี้ก็คือการไปดึง ซามูเอล อุมติตี้ กองหลังทีมชาติฝรั่งเศสมาจาก โอลิมปิค ลียง ในฝรั่งเศส ท่ามกลางความสงสัยว่าอุมติตี้จะทำได้ดีแค่ไหนเพราะจะว่าไปแล้วชื่อเสียงของอุมติตี้นั้นก็ไม่ได้ถือว่าเป็นที่รู้จักมากนัก แต่อุมติตี้นั้นใช้เวลาไม่นานในการพิสูจน์ตัวเอง โดยจุดเด่นที่ชัดเจนของอุมติตี้ก็คือเป็นกองหลังตัวกลางที่มีความเร็วทำให้การรับมือกองหน้าที่ฝีเท้าจัดจ้านนั้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด นอกจากนี้ก็ยังมีการอ่านเกมส์ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย และฟอร์มแบบนี้เองที่ทำให้บาร์ซ่ายอมปล่อยฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ออกจากทีมไปให้กับทีมในลีกของจีน ทั้งๆที่มาตรฐานของมิดฟิลด์ทีมชาติอาร์เจนติน่าคนนี้ไม่ได้ตกลงไปจากเดิมเลย
การจับคู่กันระหว่างปีเก้กับอุมติตี้จึงเป็นการผสมผสานที่ถือว่าลงตัวมากเพราะอุมติตี้นั้นจะทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวชนและปิเก้จะเป็นคนคอยจัดการเก็บจังหวะสองอีกที และด้วยอายุการใช้งานที่ยังเหลืออีกมาก เพราะเจ้าตัวเพิ่งจะอายุ 24 ปีเท่านั้น บาร์เซโลน่าจึงสามารถที่จะวางใจในตัวอุมติตี้ไปได้อีกนาน แม้ว่าแฟร์มาเล่นจะกลับมาจากโรม่าแต่ก็มีที่ว่างแค่ตัวสำรองเท่านั้น ส่วนในทีมชาตินั้นแม้ว่าจะไม่แน่นอนสำหรับการยึดตำแหน่งตัวจริงเพราะฝรั่งเศษนั้นมีเซนเตอร์ฮาล์ฟฝีเท้าดีๆอยู่อีกหลายคน แต่หากยังรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้ในอนาคตตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติก็ไม่หนีไปไหนแน่นอน